Thursday, 9 May 2024
Eec Time Team

8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ‘จ่าคลั่ง’ ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช หนึ่งในโศกนาฏกรรม ครั้งเลวร้ายที่สุดของไทย

ครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์ จ่าคลั่ง ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

เรียกว่ายังคงจำฝังใจคนไทย สำหรับเหตุการณ์ กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563 เป็นเหตุกราดยิงในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กรณีจ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จับบุคคลในห้างเป็นตัวประกัน 

สำหรับเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มขึ้น เวลาประมาณ 15.30 น. 8 กุมภาพันธ์ 2563 จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชา คือ พันเอก อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของพันเอก อนันต์ฐโรจน์ ถึงแก่ความตายที่บ้านพักในตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่นายหน้าวิ่งหนีไป จึงถูกไล่ยิงเข้าข้างหลังแต่ไม่เสียชีวิต

จากนั้น จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ไปชิงอาวุธสงครามออกมาจากคลังอาวุธกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ตำบลไชยมงคล โดยยิงทหารเวรกองรักษาการณ์ และทหารดูแลคลังอาวุธ มีพลทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิตอีก 1 นาย ต่อมา จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ขับรถฮัมวีหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งไปทางวัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล เพราะทราบว่าภรรยาของผู้บังคับบัญชาออกไปทำบุญที่วัดป่าศรัทธารวม ได้กราดยิงผู้คนตามรายทางถึงแก่ความตายรวม 9 คน คนร้ายกราดยิงกระสุนนับร้อยนัด โดยยิงคนในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ ยังยิงเด็กนักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และยังเดินไปยิงซ้ำอีก จากนั้นมีตำรวจมา 2 นาย ไม่ทันลงจากรถก็ถูกยิงจนพรุนเสียชีวิต แต่ปรากฏว่า ได้ทราบว่า ภรรยาของผู้บังคับบัญชาไปกินข้าวที่เทอร์มินอล 21 โคราช

'อนุทิน' กล่าวปราศรัยบนเวที ที่ชุมชนบ่อนไก่ ขณะช่วย 'ส้ม-พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์' หาเสียง

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.66) ที่ศูนย์เยาวชนปทุมวัน กทม. พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยย่อยช่วย น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตปทุมวัน หาเสียง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย, นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ, นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรค, น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรคร่วมขึ้นเวทีครั้งนี้

น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทุกคนที่สนับสนุนตนมาตลอดการเป็น ส.ส.เขตปทุมวัน ตนรู้สึกว่าทุกคนเป็นคนในครอบครัว และความตั้งใจของตนยังเหมือนเดิม คือต้องการรับใช้ประชาชน เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องประชาชน

ขณะที่ นายศุภชัย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเราเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ไม่มีคือเงินในกระเป๋า ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ 8 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้แล้ว พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขายความสงบอยู่ ตนว่ามันไม่ได้แล้ว ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่ายังเป็นนายกฯ ได้ เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 75 ปี ตนก็ว่ามันสามารถเป็นไปได้ตามสิทธิ์ แต่ส่วนตัวตนมองว่าคนที่เหมาะสม คือ นายอนุทิน

จากนั้นเวลา นายอนุทิน ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความแน่วแน่ในการจะมารับใช้ประชาชนชาวบ่อนไก่ และชาว กทม. ตนเป็น ส.ส. มาแล้ว 10 ปี แต่ไม่เคยได้ใจคน กทม. สักเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้ชาว กทม. ใจอ่อนให้พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคได้นำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน พร้อมมั่นใจว่าวันนี้ภูมิใจไทยพร้อมรับใช้ชาว กทม. เหมือนที่รับใช้ประชาชนคนไทยตลอด 4 ปีผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น เรื่องคมนาคม สาธารณสุข และการท่องเที่ยว

'อนุทิน' ขอโทษ 'บิ๊กตู่' ปมลูกพรรคหาเสียงเหน็บ ความสงบจบที่ลุงตู่ เป็นเรื่องที่ขายไม่ได้ ลั่น จะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก

(7 ก.พ.66) เวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยหาเสียง ในระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ ว่า เวลามีการหาเสียงก็คงพูดไปแบบนั้น แต่ตนจะไปเตือนนายศุภชัย ย้ำว่าการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยไม่มีพูดถึงพรรคอื่น โดยแจ้งให้สมาชิกในพรรครับทราบว่า ให้พูดแต่เรื่องที่พรรคภูมิใจไทย ต้องการสื่อสารกับประชาชน และจะทำอะไรให้ประชาชน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นและพรรคอื่น

เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ในเรื่องนี้​ ในที่ประชุม​คณะรัฐมนตรี​ หรือไม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ฝากขอโทษผ่านสื่อไปยังนายกรัฐมนตรี​ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเจตนารมณ์​ของพรรคภูมิใจ​ไทย​ที่จะพูดถึงบุคคลอื่น

“ผมต้องขอโทษในการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนของผม ไปยังลูกพรรค ผมขอโทษแทน และจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก และกราบขอโทษนายกฯ ด้วย วันนี้เจอกับนายกฯ ในที่ประชุม ครม. ก็ต้องไปขอโทษท่าน เพราะเวลาขึ้นเวที มีบทเพลงพาไป แต่ไม่ใช่เป็นเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าพรรคได้ย้ำแล้วว่า ห้ามพูดถึงคนอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดดังกล่าวจะเป็นปัญหาในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เป็น และพรรคภูมิใจไทยก็โดนพรรคอื่นใส่มาเต็ม ๆ เหมือนกัน จริง ๆ ถ้าไม่คิดมากเรื่องนี้เป็นปกติทางการเมือง แต่ตนคิดว่าการขัดแย้งในบ้านเมืองหรือพูดถึงคนอื่นในทางไม่ดี ไม่ใช่สไตล์การทำงานของตน

'อนุทิน' ลั่น ไม่หลบซักฟอก ชี้ พูดในสภาให้ปชช.รับฟัง ดีกว่าพูดนอกสภา ไม่หวั่น ฝ่ายค้านถามมาก็ตอบไป เหน็บ คนทำงานรู้ดีกว่าคนไม่ได้ทำงาน

(7 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าพรรคภูมิใจไทย มีท่าทีจะล้มหรือไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ มาตรา 152 เพราะกังวลจะถูกถล่มในสภา ว่า ถามว่าถ้าหลบแล้วจะทำให้ไม่ประชุมได้หรือไม่ ยิ่งหลบแล้วไปอภิปรายนอกสภาฯ ก็ไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงโต้แย้ง หรือโต้ข้อกล่าวหาใดๆ เลย ซึ่งเจตนารมย์ของการอภิปราย มาตรา 152 คือ การให้คำแนะนำของฝ่ายค้านต่อรัฐบาล เชื่อว่าช่วงสุดท้ายของสภาชุดนี้ฝ่ายค้านก็เตรียมใส่เราเต็มที่ ส่วนเราก็ต้องพูดให้เต็มที่ เขาอยากจะพูดอะไรก็พูด ส่วนเราอยากพูดอะไรก็พูด เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งนั้น อย่าไปกังวลอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลา 8 ชั่วโมงถือว่าเพียงพอต่อการชี้แจงของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีเนื้อหาสาระก็เพียงพอ ถ้ามัวแต่ทะเลาะกันไปมาก็อย่าไปหลงในเกมของเขา เราพูดแต่ในข้อเท็จจริง ส่วนเขาพูดอะไรเราไปห้ามไม่ได้ แต่ไม่มีทางรู้มากกว่าเรา เพราะเราเป็นคนทำงาน หากพูดถึงเรื่องกระทรวงที่เราทำงาน คนที่ทำงานย่อมพูดได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำงาน ส่วนข้อมูลที่ได้ไปไม่รู้ต่อกี่ครั้งก็เป็นเรื่องที่ปราศจากความจริง มีการแต่งเติมเสริมเรื่องเข้ามา โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ตอบได้ ผลจากการลงคะแนนเห็นตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เห็นแล้วว่าคะแนนท่วมท้น กระทรวงในสังกัดพรรคภูมิใจไทย ตอบได้สบายมากอยู่แล้ว แต่หากมีการให้คำแนะนำจะดีมากเพราะพรรคภูมิใจไทย เป็นพวกที่ฟังอะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง แม้จะมาจากฝ่ายค้านก็พร้อมรับฟัง และสิ่งใดที่ควรนำไปปรับปรุงแก้ไขก็จะนำไปแก้ไข เพราะการเล่นการเมืองเชิงสร้างสรรค์ คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชนและบ้านเมือง

‘ศุภชัย’ ยัน!! ภท. ร่วมเป็นองค์ประชุมซักฟอก 152 ขู่!! หากอภิปรายแบบ 151 จะเสนอนับองค์ประชุม

(7 ก.พ.66) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรค ภท.ยืนยันว่าจะเข้าเป็นองค์ประชุมในการประชุมวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้การอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 รัฐธรรมนูญให้เจตนารมณ์คือ การตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาให้รัฐมนตรี ซึ่งประเด็นนี้ต้องทำความเข้าใจว่าไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หากการอภิปรายเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราก็จะร่วมประชุมด้วย แต่หากพบว่าการอภิปรายไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีการอภิปรายเหมือนมาตรา 151 หรือนำเรื่องเดิมมาอภิปรายซ้ำ พรรค ภท. จะแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย และคงจะต้องมีการประท้วง รวมถึงขอให้นับองค์ประชุม โดยเราจะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม

“วันนี้จะครบวาระสภา 4 ปีแล้ว ปรากฏว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มไปแล้วประมาณ 30 ครั้ง และการประชุมร่วมรัฐสภาล่มไปแล้ว 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พรรค ภท.ร่วมเป็นองค์ประชุมและสมาชิกอยู่ครบตลอดมา เราไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้องค์ประชุมล่ม” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการบิดเบือนว่าเราทำให้องค์ประชุมล่มนั้น เราไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะเห็นว่าวิปรัฐบาลทำงานไม่เข้มแข็ง ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ เราจึงเรียกร้องให้วิปรัฐบาลทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง ควบคุมให้พรรคการเมืองต่างๆ อยู่เป็นองค์ประชุมให้ครบ แต่ปรากฏว่าวิปรัฐบาลไม่ได้ทำเรื่องดังกล่าว เราจึงแสดงจุดยืนไม่เป็นองค์ประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ เราจะอยู่เป็นองค์ประชุมครบแน่นอน

Click on Clear >> https://thestatestimes.com/post/2023020709

'อนุทิน' ให้สัมภาษณ์ กรณีไม่จับมือกับพรรคที่แตะต้องมาตรา 112

เมื่อไม่นานมานี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการที่ไม่จับมือกับรัฐบาลด้วยกันเอง โดยระบุว่า

“เอาที่ไม่จับมือก่อน อย่ามาแตะมาตรา 112 ถ้าเราไม่คิดอะไร 112 ไม่มีอิทธิพลกับเราเลย ประเทศของเราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจ เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ เป็นประเทศที่ทำให้คนเห็นว่าเรามีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี มีความเป็นปึกแผ่น”

7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ในหลวง ร.9 เสด็จฯ ทรงเปิด ‘เขื่อนเจ้าพระยา’ เขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่แห่งแรกของไทย

7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จทำพิธีเปิด ‘เขื่อนเจ้าพระยา’ เขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ที่ทำประโยชน์ให้พื้นที่เกษตรภาคกลาง

วันนี้เมื่อ 66 ปีมาแล้ว เป็นวันสำคัญเมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในการทำพิธีเปิด ‘เขื่อนเจ้าพระยา’ ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย

‘อนุทิน’ ยัน!! โยก ‘หมอสุภัทร’ เป็นเรื่องฝ่ายประจำ ชี้!! อุทธรณ์เป็นสิทธิ ว่ากันไปตามขั้นตอน

‘อนุทิน’ ยันซ้ำโยก ‘หมอสุภัทร’ เป็นเรื่องฝ่ายประจำ รมต.ไม่เกี่ยว ชี้ อุทธรณ์เป็นสิทธิว่าตามขั้นตอน เมิน ‘ก้าวไกล’ หวังใช้โจมตีช่วงอภิปราย ม.152 ห้ามใครพูดไม่ได้ ลั่นต้องยึดกม. แจงปม ‘ป้ายนโยบายผู้สูงอายุ’ แยกระหว่างงานการเมือง กับงานบริหารราชการแผ่นดิน เปรียบเหมือนเป็น ‘แบรนด์แอมบาสเดอร์’ ให้ฟรี อัดกลับอย่ามาเสียเวลากับเรื่องที่ไร้ผลใด ๆ

(6 ก.พ.66) ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ไปเป็น ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่มีผลวันที่ 6 ก.พ. 66 ว่า ถ้าตามเอกสารมีผลวันที่ 6 ก.พ. 66 และเท่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานก็เห็นว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามขั้นตอนราชการ ซึ่งตนยังไม่มีเวลาไปติดตาม เพราะว่าไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของส่วนราชการประจำ

เมื่อถามว่า ได้มีการยื่นคัดค้านมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าจะมีการยื่นคัดค้านมา ก็มีขั้นตอนอยู่แล้ว ต้องยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นสิทธิข้าราชการ ต้องยื่นอุทธรณ์ขึ้นมาเป็นลำดับชั้น ตนคิดว่าเราต้องดูตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอุทธรณ์ขึ้นมาจะมีระยะเวลากำหนดว่าต้องกี่วัน ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับระดับการเมือง เพราะมาไม่ถึงจริง ๆ ขึ้นมาก็ขึ้นไม่ถึง ลงมาก็ลงไม่ถึง เพราะว่าระบบของส่วนราชการอยู่ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าอะไรก็ตามเป็นเรื่องงานบริหารราชการในส่วนข้าราชการประจำ ก็เป็นเรื่องปลัดกระทรวงอยู่แล้ว รัฐมนตรีมอบนโยบายในการทำงานของกระทรวง ไม่ใช่มอบนโยบายในการบริหารบุคคล อันนั้นไม่ใช่หน้าที่รัฐมนตรี ไม่มีสิทธิมอบด้วย

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างกรณีพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นเรื่องการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ายิ่งมองเป็นเรื่องการเมือง ยิ่งทำให้ความชอบธรรมไม่เกิด เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีวุฒิภาวะ มีดุลพินิจในการบริหารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเต็มตัวอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องมาปรึกษาใด ๆ กับฝ่ายการเมือง

ตนขอเรียนย้ำอีกครั้งการหารือในเรื่องของการบริหารงานบุคคล ในส่วนที่ปลัดกระทรวงจะหารือกับทางรัฐมนตรีได้ก็คือ เมื่อมีการเสนอข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ตรงนั้นรัฐมนตรีมีสิทธิหารือปลัดกระทรวงได้ เพราะรัฐมนตรีเป็นคนลงนาม นำเสนอเพื่อรับการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรงนั้นถึงจะมีช่องทางพูดคุยกันได้ ในส่วนของข้าราชการที่ต่ำกว่าระดับซี 10 ลงไป ตรงนี้ปลัดกระทรวงไม่จำเป็นต้องมาหารือใด ๆ ฝ่ายนโยบาย

‘ฉลอง เรี่ยวแรง’ ยกครอบครัวซบภูมิใจไทย เผยถูกใจ ‘อนุทิน’ ดำรงไว้ซึ่งมาตรา 112

วันที่ 6 ก.พ. 66 เวลา 11.50 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค ให้การต้อนรับนายฉลอง เรี่ยวแรง, นางเจริญ เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.ปารมี เรี่ยวแรง บุตรสาว ที่มาเปิดตัวเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า "พรรคภูมิใจไทยยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้ง 3 ท่าน ซึ่งจะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี ทั้ง 3 ท่าน มีประสบการณ์ทำงาน มีความสนิทคุ้นเคยกับผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยมายาวนาน วันนี้เราดีใจมากที่ท่านนำครอบครัว 'เรี่ยวแรง' มาร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 3 ท่านจะทำงานให้ จ.นนทบุรี ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ล่าสุดพรรคได้รับสำเนาจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเดิมของทั้ง 3 ท่าน ได้รับการประทับรับเอกสารเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน นางเจริญ ก็ได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส.ในวันนี้ (6 ก.พ. 66) เรียบร้อยแล้วเช่นกัน"

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนที่ทั้ง 3 ท่าน มาเปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ (6 ก.พ. 66) เพื่อความไม่ประมาท เราจึงเชิญท่านมาสมัครวันนี้ เพื่อป้องกันเดดล็อกทางการเมืองเกี่ยวกับเงื่อนไขเวลา 90 วัน ในการสังกัดพรรคการเมือง กรณีหากนายกรัฐมนตรีไม่ประกาศยุบสภา ไม่ได้เป็นการออกปุ๊บเข้าปั๊บ แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยง และการเกิดปัญหาในอนาคต

เมื่อถามว่า จะส่งผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี ครบทั้ง 8 เขตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อเราได้ผู้ใหญ่อย่างนายฉลอง และนางเจริญ เข้ามาร่วมงานกับพรรค ทำให้การบริหารจัดการ หรือการนำเสนอผู้สมัครท่านอื่น ๆ พรรคจะมอบความรับผิดชอบการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ให้ท่านได้พิจารณาตัดสินใจว่าจะส่งครบทุกเขตหรือไม่ เราเชื่อมือซึ่งกันและกัน

‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย

จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top