Friday, 29 March 2024
NEWS

'วิชัย ทองแตง' ปั้นภาคีเครือข่าย 'รัฐ-เอกชน'  ดึงกว่า 50 องค์กร ร่วมใจพลิกเชียงใหม่ไร้ฝุ่น PM 2.5

'หยุดเผา เรารับซื้อ' หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ 'ภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ ร่วมใจขจัด PM 2.5 และลดโลกร้อน' ผ่านการร่วมกันคิดและทำให้สำเร็จ ด้วยการรับซื้อซังข้าวโพดจากเกษตรกร สกัดการเผาทำลายซังข้าวโพด อันเป็นสาเหตุสำคัญที่เกิด PM 2.5 โดยนำมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแท่งส่งไปสู่ระบบคาร์บอนเครดิต ด้วยมาตรฐานระดับโลกที่โรงงานต่างๆ ทั่วโลก ที่พร้อมจะรับซื้อต่อไปได้

(12 ก.ค. 66) ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “ผมได้ร่วมหารือกับทุกภาคส่วนและกำหนดเป็นวาระเร่งด่วน สำคัญที่สุดในอันที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของพี่น้อง ลูกหลานเราโชคดีเหลือเกินที่เรามีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง เกิดการร่วมแรงร่วมใจที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยปรากฏเหมือนที่ใดมาก่อนเหมือนในวันนี้”

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “พวกเราประจักษ์รู้ในความเป็นจริงกันทุกคนว่าแท้จริงแล้ว มันเกิดจากฝีมือมนุษย์เราเอง การเผาป่า เรือกสวน กิ่งไม้ ไร่นา เพื่อพลิกฟื้นผืนดินทำกินของพวกเรากันเอง นั้นเกิดประโยชน์มหึมาแต่ก็เกิดโทษมหาศาล ทางอบจ.เราเองได้จัดงบลงไปปีละหลายสิบล้าน เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 บรรเทาทุกข์ให้กับชาวเชียงใหม่ ในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ชาวเชียงใหม่จัดตั้งเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งถือเป็นการแสดงครั้งสำคัญของพวกเรา” 

ด้าน คุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจผู้มีแรงบันดาลใจที่มุ่งหวังให้ จ.เชียงใหม่และภาคเหนือปลอด PM 2.5 ได้กล่าวว่า “ภาคีเครือข่ายนี้ถือเป็นการแสดงพลังของชาวเชียงใหม่ พวกเราต้องเป็นแกนนำผลักดันการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของเชียงใหม่และของประเทศไทย อยู่ที่ทุกท่านร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าไปพร้อมกันในวันนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่วันนี้ได้มารวมตัวกัน แม้ผมจะเป็นผู้ริเริ่มแต่การผลักดันให้สำเร็จก็อยู่ที่ท่านทุกคน และผลของความสำเร็จก็จะตกอยู่ที่ชาวเชียงใหม่และประเทศชาติของเรา”

ด้าน ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด กล่าวว่า “ผมเล็งเห็นว่าการที่เกิดปัญหา PM 2.5 เยอะขนาดนี้ แสดงว่าชีวมวลก็เยอะเช่นกัน ทีมงานจึงได้ลงสำรวจพื้นที่ในการแก้ปัญหาเพื่อเสริมแหล่งผลิตชีวมวล ในการรักษาสภาพแวดล้อม โดยเริ่มต้นที่ อ.จอมทอง เพื่อเปลี่ยนเศษซากทางการเกษตร พร้อมขยายเพิ่มอีก 3 จุดในภาคเหนือ  โดยนำไปใช้ในอุตสหกรรม เพื่อพลังงานทดแทนสะอาด เป็นชีวมวลอัดเม็ดพร้อมคาดหวังให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีรายได้กระจายสู่ชุมชน ถือเป็นความพยายามของภาคเอกชนโดย บริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ยินดีให้ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเชียงใหม่เพื่อลดปัญหา PM 2.5 ให้ได้อย่างยั่งยืน”

ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต กล่าวว่า “ผมพร้อมเชื่อมโยงธุรกิจคาร์บอนเครดิตมาช่วยจังหวัดเชียงใหม่ แก้ปัญหา PM 2.5 เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นับเป็นอีกช่องทางสนับสนุนโดยนำธุรกิจเข้ามาสร้างเม็ดเงินสู่ภาครัฐและภาคประชาชนให้มีรายได้เพียงพอที่จะสามารถกลับมาคิดพร้อมพัฒนาช่วยเรื่องของสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ได้ ซึ่งประเด็นในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ที่เกิดมาจากสภาวะโลกร้อน คือการที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเกินไป โชคดีที่ประเทศไทยตระหนักในเรื่องของคาร์บอนเครดิตมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ส่วนนี้จึงเป็นที่มาของการเอาคาร์บอนเครดิตมาช่วยสร้างธุรกิจ และเอาธุรกิจนั้นมาสร้างเม็ดเงินป้อนกลับมาสู่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วทำให้จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีรายได้มากขึ้น เพื่อนำเม็ดเงินนั้นไปพัฒนาสิ่งแวดล้อมแก้ปัญหา PM 2.5 นั้นให้ดีขึ้น โดยสิ่งที่ทางภาคีเครือข่ายต้องโฟกัสคือการจัดการขยะทางการเกษตร และการดูแลรักษาป่าเพื่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

หลังจากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ เราจะร่วมใจกันอย่างไรให้เชียงใหม่หมด PM 2.5 โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ คุณชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ กรรมการ บริษัท แอทเซส เวิล์ด คอเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต , คุณอนุชา มีเกียรติชัยกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ , ดร.ณรงค์ชัย ชลภาพ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจคาร์บอน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ , คุณชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทย ประจำปี 2566 , ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด พร้อมฟังความคิดเห็นจากภาคีเครือข่าย นับเป็นการแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ของภาคีเครือข่ายที่น่าประทับใจ และพร้อมที่จะพลักดัน หยุดเผา เรารับซื้อ ให้สัมฤทธิ์ผลเป็นลำดับต่อไป

สนใจนำเศษซาก ตอซังข้าวโพด เข้าร่วมโครงการ หยุดเผา เรารับซื้อ ของบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0934165953

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 19-23 มิ.ย. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 26-30 มิ.ย. 66

 

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ โดยวันที่ 20 มิ.ย. 66 ธนาคารแห่งชาติของจีน (People's Bank of China: PBOC) ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (Loan Prime Rate : LPR) ระยะเวลา 1 ปี ลดลง 0.1% อยู่ที่ 3.55% และ 5 ปี ลดลง 0.1% อยู่ที่ 4.20% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี Reuters รวบรวมคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของจีนในปี 2566 จากวาณิชธนกิจชั้นนำล่าสุดอยู่ในช่วง 5.1-5.7% จากปีก่อนหน้า ลดลงจากคาดการณ์เดิมในช่วง 5.5-6.3% จากปีก่อนหน้า (เป้าหมายของรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ 5% จากปีก่อนหน้า) สะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตช้าลง

ขณะที่วันที่ 20-21 มิ.ย. 66 นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve: Fed) กล่าวว่า Fed จำเป็นต้องดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเพดานที่ +2% จากปีก่อนหน้า สะท้อนว่าที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา (Federal Open Market Committee: FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.00 -5.25% เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 66 ยังมิใช่จุดสิ้นสุดของนโยบายการเงินตึงตัว (Tightening) และวันที่ 22 มิ.ย. 66 ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England: BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% มาอยู่ที่ 5.0% ปรับขึ้นต่อเนื่อง 13 ครั้งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ด้านปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ วันที่ 24 มิ.ย. 66 กลุ่มกองกำลัง Wagner ก่อกบฏโดยยึดครองกองบัญชาการทหารในเมือง Rostov-on-Don ทางตอนใต้ของรัสเซีย และจะเคลื่อนพลสู่กรุง Moscow อย่างไรก็ดี วันที่ 25 มิ.ย. 66 กลุ่มกองกำลัง Wagner ล้มเลิกภารกิจ พร้อมถอนกำลังจากเมือง Rostov-on-Don โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้นาย Yevgeny Prigozhin ผู้นำกองกำลัง Wagner ไม่ถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ และนำกองกำลังลี้ไปอยู่เบลารุสแทน ทั้งนี้ รัสเซียยังคงใช้มาตรการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในกรุง Moscow โดยประกาศให้ประชาชนหยุดงานในวันที่ 26 มิ.ย. 66

ติดตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในระยะสั้น โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

>>ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- วาณิชธนกิจ HSBC ปรับลดคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของจีน ในปี 2566 อยู่ที่ +5.3% จากปีก่อนหน้า (คาดการณ์ครั้งก่อนอยู่ที่ +6.3% จากปีก่อนหน้า) จากภาวะซบเซาของภาคธุรกิจและความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนที่ถดถอยลง

- S&P Global รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Managers’ Index : PMI) ของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. 66 ลดลง 2.1 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 46.3 จุด ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65 ทั้งนี้ ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด บ่งชี้ภาวะหดตัว

- 21 มิ.ย. 66 ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) นาย Jerome Powell กล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง ภายในปี 2566

>>ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- Bloomberg รายงานรัสเซียส่งออกน้ำมันดิบทางทะเล สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย. 66 ลดลง 30,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบจากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 3.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- หน่วยงานศุลกากรของจีน (General Administration of Customs: GAC) รายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน พ.ค. 66 เพิ่มขึ้น 15.3% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 2.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

- Joint Organizations Data Initiative (JODI) รายงานซาอุดีอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบในเดือน เม.ย. 66 ลดลงประมาณ 3% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 7.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และผลิตน้ำมันดิบทรงตัวอยู่ในระดับ 10.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน

‘อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์’ CEO ปตท. คว้ารางวัลเกียรติยศ ‘THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023’

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับรางวัลเกียรติยศ ‘THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023 ประเภทอุตสาหกรรมพลังงาน’ เป็นการเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีความโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘สุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี’ จัดโดยนิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายในงานได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

รางวัลดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจแก่ผู้บริหารองค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งทุกรางวัลผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้าน อาทิ ความสามารถในการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ความเป็นผู้นำและสร้างความผูกพันในองค์กร การตอบแทนสังคม ชุมชน และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป
 

เข้ารอบ Final Pitching  โครงการ Content Lab โปรแกรม “ดิจิทัลคอนเทนต์”

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศรายชื่อ 7 ทีม ผ่านเข้ารอบ Final Pitching โครงการ Content Lab สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล ในโปรแกรม “ดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content)” สนับสนุนรวมกว่า 150,000 บาท/ทีม และเงินรางวัลสำหรับทีมที่ชนะในรอบ Final Pitching มูลค่ารวม 150,000 บาท พร้อมเปิดโอกาสนำเสนอโครงการให้กับผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรชั้นนำของเมืองไทย หวังต่อยอด สร้างสรรค์ และ ประชาสัมพันธ์ผลงานในระดับสากล
นายชาญ กุลภัทรนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า...

ปตท. ได้ปรับการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยมุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการต่อยอดธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากด้านพลังงาน พร้อมเป็นแรงสำคัญขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ โดยได้มีการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย

ทั้งนี้ ปตท. ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในการเปิดคอร์สอบรมพัฒนาทักษะ สำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ ภายใต้ “โครงการ Content Lab สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล” ในโปรแกรมดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) สำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีประกอบการสร้างสรรค์ผลงาน พร้อมเรียนรู้ทักษะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ทั้ง Virtual Production, AR/XR, AR location base, CG, 3D Model ฯลฯ

ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 13 ทีม ได้นำความรู้และประสบการณ์มานำเสนอ Proposal ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “Meaningful Travel” ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยพร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่  แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด Location Base & Platform หมวด Game และหมวด Film & Advertising
.
ทั้งนี้ มีการคัดเลือก 7 ทีม ผ่านเข้ารอบการนำเสนอสุดท้าย (Final Pitching Day) ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนการผลิตชิ้นงาน จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเตรียมนำเสนอผลงานสุดท้ายต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และตัวแทนจากองค์กรชั้นนำของเมืองไทยในวัน Final Product Pitching  วันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยจะมีคัดเลือกผลงานสุดท้ายที่จะได้รับเงินรางวัล พร้อมการประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะ หวังต่อยอดและสร้างสรรค์ผลงานในระดับสากล ซึ่งถือเป็นซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่สำคัญ ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าควบคู่กับการสร้างมาตรฐานความยั่งยืน

ทีมที่ผ่านการเข้ารอบ ได้แก่
• หมวด Location Base & Platform  
1. ทีมที่ 6 Travel Platform & Virtual Influencer 
2. ทีมที่ 11 Thailand Culture Guide (สายมู) 
3. ทีมที่ 14 Foodscape

• หมวด Game 
1. ทีมที่ 8 Muay Thai VR Game 
2. ทีมที่ 10 Survive the Streets

• หมวด Film & Advertising 
1. ทีมที่ 1 Thatien 
2. ทีมที่ 3 One free day

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Content Lab และ Creative Economy Agency

PROGRAM

‘นาวิน คำเวียง’ ลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคภูมิใจไทย ลั่น!! จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.66) ที่หอประชุมโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จ.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยนโยบาย และแนะนำตัวนายเอกราช ช่างเหลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ขอนแก่น ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังปราศรัยจำนวนมากจนล้นออกจากหอประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างปราศรัยมีการเซอร์ไพรส์เปิดตัว นายนาวิน คำเวียง อดีตสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่จะลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกอบด้วย อ.หนองเรือ อ.บ้านฝาง และ อ.ภูเวียงบางส่วน

นายเอกราช ได้กล่าวแนะนำนายนาวิน และเชิญนายศักดิ์สยาม เป็นผู้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นการต้อนรับนายนาวิน เข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนอย่างกึกก้อง โดยนายศักดิ์สยามขอให้ชาวขอนแก่นเลือกทั้งนายเอกราชและนายนาวิน เป็น ส.ส. เข้าสภาฯ ให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย นายนาวินได้เดินทักทายพบปะกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 300 คน พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนตนมาโดยตลอด และยังอยู่ช่วยกัน ไม่ว่าตนจะอยู่พรรคไหน วันนี้ตนเปลี่ยนสีเสื้อมาอยู่ภูมิใจไทยแล้ว และเราจะสู้ไปด้วยกัน ตนจะพูดแล้วทำ และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง บุรีรัมย์เจริญเพราะมีเนวิน ขอนแก่นก็มีนาวินเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนที่นายศักดิ์สยามจะเดินทางกลับ ได้มีคนเสื้อแดงมาตั้งแถวส่ง พร้อมส่งเสียงเชียร์พรรคภูมิใจไทยเป็นระยะ

‘ลุงหนู’ เตรียมนำทัพหาเสียง จ.กาญจนบุรี พร้อมเปิดตัว 5 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย

(8 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 10 - 11 ก.พ.นี้ พรรคภูมิใจไทย นำทีมโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค จะลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ตลอดจนจัดเวทีปราศรัย ใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี และ จ.นครปฐม พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยในวันที่ 10 ก.พ.นี้ เริ่มที่ จ.กาญจนบุรี โดยตั้งแต่เวลา 15.45 น. จะขึ้นรถแห่พบปะประชาชนพี่น้อง ชาว จ.กาญจนบุรี

จากนั้น เดินทางถึงศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้วเดินทางไปวัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง (วัดใต้) กราบสักการะรูปหล่อพระวิสุทธิรังษี (หลวงปู่เปลี่ยน) และกราบพระเทพปริยัติโสภณ (เจ้าคุณปัญญา) เจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้น นายอนุทิน และคณะจะเดินทางถึงท่าเรือวัดใต้ แล้วเดินทางโดยทางเรือล่องแม่น้ำแม่กลองเดินทางผ่านบ้านลิ้นช้าง เข้าสู่แม่น้าแควใหญ่ แวะทักทายชาวเรือ ชาวแพที่ท่าเรือเทียบแพแควใหญ่ (เกาะรัตนกาญจน์) ก่อนขึ้นปราศรัยใหญ่ ในเวลา 17.45 น. ณ ลานเอนกประสงค์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว

นายอนุทิน จะเปิดปราศรัยถึงบริเวณพื้นที่ปราศรัย ทักทายประชาชนและ เปิดตัว ว่าที่ส.ส.กาญจนบุรี  พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 5 เขต ประกอบไปด้วย พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1, นายสมเกียรติ วอนเพียร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2, นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3, นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ  ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5

ส่วนในวันที่ 11 ก.พ. ที่ จ.นครปฐม เวลา 13.00 น. นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และกราบขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ จากนั้นเยี่ยมชมพระราชวังสนามจันทร์ ถวายสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เยี่ยมชม อนุสาวรีย์ย่าเหล พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ จากนั้น 16.00 น. นายอนุทิน จะได้เปิดเวทีปราศรัย นำเสนอนโยบายพรรคภูมิใจไทยพร้อมเปิดตัวนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม เขต 4

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 13 ก.พ.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะยกแกนนำพรรคบุก จ.กาญจนบุรี เช่นเดียวกัน โดยจะเป็นการเปิดปราศรัยใหญ่ต่างจังหวัดครั้งแรก ของพล.อ.ประวิตร พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ซึ่งจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่หมด เนื่องจาก อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 4 คน ได้ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยแบบยกทีมทั้ง 4 คนหมดแล้ว

'อนุทิน' กล่าวปราศรัยบนเวที ที่ชุมชนบ่อนไก่ ขณะช่วย 'ส้ม-พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์' หาเสียง

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.66) ที่ศูนย์เยาวชนปทุมวัน กทม. พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยย่อยช่วย น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตปทุมวัน หาเสียง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย, นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ, นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรค, น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรคร่วมขึ้นเวทีครั้งนี้

น.ส.พัชรินทร์ กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทุกคนที่สนับสนุนตนมาตลอดการเป็น ส.ส.เขตปทุมวัน ตนรู้สึกว่าทุกคนเป็นคนในครอบครัว และความตั้งใจของตนยังเหมือนเดิม คือต้องการรับใช้ประชาชน เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องประชาชน

ขณะที่ นายศุภชัย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเราเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว แต่สิ่งที่ไม่มีคือเงินในกระเป๋า ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ 8 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้แล้ว พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขายความสงบอยู่ ตนว่ามันไม่ได้แล้ว ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่ายังเป็นนายกฯ ได้ เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 75 ปี ตนก็ว่ามันสามารถเป็นไปได้ตามสิทธิ์ แต่ส่วนตัวตนมองว่าคนที่เหมาะสม คือ นายอนุทิน

จากนั้นเวลา นายอนุทิน ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความแน่วแน่ในการจะมารับใช้ประชาชนชาวบ่อนไก่ และชาว กทม. ตนเป็น ส.ส. มาแล้ว 10 ปี แต่ไม่เคยได้ใจคน กทม. สักเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้ชาว กทม. ใจอ่อนให้พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคได้นำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน พร้อมมั่นใจว่าวันนี้ภูมิใจไทยพร้อมรับใช้ชาว กทม. เหมือนที่รับใช้ประชาชนคนไทยตลอด 4 ปีผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น เรื่องคมนาคม สาธารณสุข และการท่องเที่ยว

TRENDING
CRIMES

หนีไม่รอด!! สตม.สระแก้ว รวบ 2 ผู้ต้องหาหนีหมายจับ ขณะทำการหลบหนีไปปอยเปต

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว และศาลจังหวัดนางรอง ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

วันที่ 31 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก., พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.1 บก.ปส.2., พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ธันยวิช มณีโซติ รอง ผกก.1 บก.ปส.2, พ.ต.ท.สาโรจน์ ติระกิจพาณิชย์ รอง ผกก ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ สว.ส.ทท.3 กก.2 บก. ทท.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตม.จว.สระแก้ว ประกอบด้วย พ.ต.ต.วงศกร วรรณสมบูรณ์ สว.ฯ, ร.ต.อ.หญิงประภารัตน์ ปิ่นประดับ รอง สว.ตม.จว.สระแก้ว, ร.ต.ท.สุรภูมิ กองไพรวัลย์ รอง สว.ฯ, ด.ต.วิทยา กาวิชัย ผบ.หมู่ฯ ร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว, ตำรวจ สภ.คลองลึก, ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 บช.ปส. ,ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.ทท.1 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายจีระศักดิ์ จำนงค์รักษ์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.25/2566 ลง 24 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์”

ทั้งนี้ สำหรับพฤติการณ์ก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับทราบจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์จะขอรับเงินรางวัล ว่าจะมีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว จำนวน 1 คน จะเดินทางหนีออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ต่อมา เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น.วานนี้ (30 ม.ค.) เจ้าหน้า ตม.จว.สระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก พร้อมชุดจับกุมได้ขอตรวจสอบหมายจับของผู้ต้องหา และตรวจพบว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับให้ผู้ถูกจับดู และได้อ่านให้ฟังเป็นที่เข้าใจ และผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาก่อน จึงแจ้งให้ทราบว่าเขาต้องถูกจับ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ให้ทราบ ก่อนควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งให้ สภ.ปางสีดา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

รวบหนุ่มเขมรแสบ!! ขนแรงงานเถื่อน 11 คน ส่งชายแดนจ่ายหัวละ 1,500 บาท

จับกุมหนุ่มเขมรสุดแสบ ขับรถไปรับแรงงานชาวกัมพูชา 11 คน จากชลบุรี เพื่อนำส่งชายแดนบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เพื่อลักลอบเดินเท้าข้ามชายแดน บริเวณช่องธรรมชาติกลับประเทศกัมพูชา ในช่วงเทศกาลตรุษจีน สารภาพจ่ายหัวละ 1,500 บาท หลังพบว่าก่อนนี้มีการลักลอบเข้ามาทำงานในไทยโดยผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.ตชด.12, พ.ต.อ.ทวี กิติวิริยกุล รรท.ผกก.สภ.คลองหาด พร้อมกำลัง ตำรวจ ตม.จว.สระแก้ว, ตำรวจ ตชด.12, ตำรวจ สภ.คลองหาด และทหาร ฉก.ร.2 กกล.บูรพา ออกลาดตระเวนบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามเส้นทางธรรมชาติ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว

ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงพื้นที่ถนนสายคลองหาด-บ้านเขาดิน เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัย เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน ชห 5827 กรุงเทพมหานคร วิ่งมาด้วยความเร็ว จากสี่แยก อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มุ่งหน้าชายแดนบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตามพร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุด แล้วเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งแล้วทำการดักสกัดจับกุมไว้ได้ ที่บริเวณแยกทางเข้าไร่พลอยลดา ม.8 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว

ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว

(สระแก้ว) ความคืบหน้าคนไทย 7 คน หลบหนีสถานที่กักขัง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในเมืองวาเวต ประเทศกัมพูชา กลับถึงประเทศไทยแล้ว โดย 4 คนเข้า-ออกถูกต้อง มีหนังสือเดินทาง แต่ถูกยึดและบังคับให้ทำงาน ซึ่ง 1 ใน 4 คน ทำไม่ได้ ถูกซ้อมและทำร้ายร่างกาย เพราะหลอกคนไทยไม่สำเร็จ

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีคนไทยผู้ใช้เฟซบุกชื่อว่า “แร้วงัย คัยแคร์” ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยบอกว่า เป็นคนไทย 7 คน กำลังหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกหลอกและกักขังบังคับให้ทำคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่พิกัดเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา ติดชายแดนประเทศเวียดนาม แต่หนีออกจากบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากมีลวดไฟฟ้า ต้องไปรวมตัวกันหลบอยู่ใต้บันไดหลายชั่วโมง ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐไทยและกัมพูชา ซึ่งถือว่า เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หากไม่มีการช่วยเหลือจะถูกตามจับกลับไปกักขังอีก โดยบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก

จนกระทั่ง สามารถเจรจากับพนักงานรักษาความปลอดภัยชาวกัมพูชา จนนายทุนชาวจีนสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดออกไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และทั้งหมดได้เหมารถตุ๊ก ๆ ออกมาจากพื้นที่และประสานเช่ารถ เดินทางออกมาจากพื้นที่เมืองบาเวต มายังกรุงพนมเปญ เพื่อประสานงานกับทางสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ขอให้ส่งตัวเดินทางกลับประเทศไทย

ล่าสุด ช่วงเวลา 19.00 น.วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับ พ.อ.อนุพงศ์ มูลบรรจบ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1302 ,นายบุรินทร์ ล่วงเขต ผช.ป้องกันจังหวัดสระแก้ว และกลุ่มช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ต่างแดน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ก็แค่ คนธรรมดา” ได้ร่วมรับตัวคนไทยเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ชักชวนให้ลักลอบข้ามแดนไปทำงานในกัมพูชา กลับสู่ประเทศไทย จำนวน 7 คน แบ่งเป็น ชาย 2 คน หญิง 5 คน ประกอบด้วย น.ส.วันวิสา (ขอสงวนนามสกุล), นายอภินันท์ (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.จันทิมา (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.สายธาร (ขอสงวนนามสกุล), น.ส.กฤษดาพร (ขอสงวนนามสกุล), นายประยูร (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.อโณชา (ขอสงวนนามสกุล) บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนนำตัวมาสอบสวน ณ บริเวณทำการกองร้อยทหารพรานที่ 1302 และเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อตามขั้นตอน ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา

LITE

1 มีนาคม พ.ศ. 2433 รัชกาลที่ 5 ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟสายแรก กรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา

วันนี้ เมื่อ 133 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟตั้งแต่กรุงเทพ ฯ ถึงเมืองนครราชสีมาเป็นทางรถไฟสายแรกในราชอาณาจักรไทย

เมื่อ พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งในเครื่องราชบรรณาการนั้นมีรถไฟเล็กจำลองย่อส่วนจากรถจักรไอน้ำของจริงที่ใช้ในเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยหัวรถจักรไอน้ำชนิดมีปล่องสูงและรถพ่วงครบขบวน ซึ่งเป็นที่สนพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะนั้น แต่ตลอดรัชสมัยของพระองค์ยังไม่มีการสร้างทางรถไฟเกิดขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยามในขณะนั้นยังอยู่ในฐานะที่ไม่มั่นคงและยังมีจำนวนประชากรน้อยอยู่

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากการทรงทอดพระเนตรการสร้างทางรถไฟในชวาและทรงประทับรถไฟในอินเดีย พระองค์ทรงเห็นว่ารถไฟจะทำให้ราชอาณาจักรสยามมีความเจริญยิ่งขึ้น และจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับราชอาณาจักรได้ ซึ่งในขณะนั้นราชอาณาจักรสยามกำลังถูกกดดันจากชาติตะวันตกในการล่าอาณานิคม ดังนั้นการสร้างทางรถไฟจึงได้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2433 โดยมีประกาศพระบรมราชโองการสร้างทางรถไฟสยามตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงนครราชสีมา ดังมีข้อความแสดงพระราชดำริบางดอนว่า

"การสร้างหนทางรถไฟเดินไปมาในระหว่างหัวเมืองไกล เป็นเหตุให้ความเจริญแก่บ้านเมืองได้เป็นอย่างสำคัญอันหนึ่ง เพราะทางรถๆฟอาจจะชักย่นหนทางหัวเมืองซึ่งตั้งอยู่ไกลไปมาถึงกันยากให้กลับเป็นหัวเมืองใกล้ไปมาถึงกันได้โดยสะดวกเร็วพลัน การย้ายขนสินค้าไปมาเป็นการลำบาก ก็สามารถจะย้ายขนไปมาถึงกันได้โดยง่าย เป็นการเปิดโอกาสให้อาณาประชาราษฎร์ มีทางตั้งการทำมาหากินกว้างขวางออกไปและทำทรัพย์สมบัติกรุงสยามให้มากมียิ่งขึ้นด้วย ทั้งเป็นคุณประโยชน์ในการบังคับบัญชา ตรวจตราราชการบำรุงรักษาพระราชอาณาเขตให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขได้โดยสะดวก"

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรกในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ จากนั้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ไปทรงขุดดินถมทางรถไฟหลวงสายแรก

สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาได้แล้วเสร็จบางส่วน ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระอัครราชเทวี ไปทรงประกอบพระราชพิธีเปิดการเดินรถไฟหลวงสายแรกในราชอาณาจักร พระองค์ทรงตอกหมุดตรึงรางรถไฟกับไม้หมอนและเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ก้มกราบแผ่นดิน หลังลี้ภัยในต่างแดน 1 ปี 5 เดือน

วันนี้ เมื่อ 15 ปีก่อน ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากต้องลี้ภัยในต่างแดนเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน จากเหตุรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ได้มีภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏและเป็นข่าวโด่งดังซึ่งประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับกรณีการ ก้มกราบแผ่นดิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

หลังจากที่ นายทักษิณ ต้องออกจากประเทศไทยและลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษนานถึง 1 ปี 5 เดือน เนื่องจากถูกปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะคณะปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เมื่อปี 2549

เหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อนายทักษิณ เดินทางมาถึง ได้อยู่ภายในห้องวีไอพีกับครอบครัว ซึ่งเป็นห้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจัดเตรียมไว้ให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงทำกระบวนการต่างๆ ตรวจพาสปอร์ต จากนั้นได้เดินออกจากอาคารสนามบินสุวรรณภูมิทักทายอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่มายืนรอต้อนรับ

27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ในพิธี วางศิลาฤกษ์ ‘เขื่อนสิริกิติ์’

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

เดิมเขื่อนนี้มีชื่อว่า 'เขื่อนผาซ่อม' โดยก่อสร้างปิดกั้นแม่น้ำน่าน บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายหลังได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาขนานนามเขื่อนว่า เขื่อนสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2511

ECONBIZ

กระทรวงพลังงาน จับมือ ปตท.  ร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Future Energy Asia 2023  ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน และยานยนต์ ระดับภูมิภาคเอเชีย

ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการและการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานระดับภูมิภาค Future Energy Asia 2023 โดยมีนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ร่วมกล่าวปาฐกถาเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) คาดการณ์สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเตรียมพร้อมรับความท้าทาย ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต อาทิ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจไฮโดรเจน รวมถึงเร่งการดำเนินงานในธุรกิจ LNG ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอีกด้วย

เริ่มแล้ว!! 'งานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด' ส่งเสริมอาชีพ-สร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

(สระแก้ว) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

(8 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปเปิดงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรการประกวดผลผลิตทางการเกษตร โดยการจัดงานในครั้งนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 6-15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เช่น การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การประกวดเทพีชมพู่หวาน (ดาวค้างฟ้า)

สำหรับงานชมพู่หวานและของดีอำเภอคลองหาด ครั้งที่ 24 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งเพิ่มพูนรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่ โดยเฉพาะชมพู่และลำไย ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของอำเภอคลองหาด อีกทั้งเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเกษตรกร ในทุกหมู่บ้านและชุมชน จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ได้มาเที่ยวชมงานและเลือกซื้อสินค้าภายในงานตลอด 10 วัน

ที่มา : https://www.77kaoded.com/news/thanapat/2400918

‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย

จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top