Friday, 19 April 2024
NEWS

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ E-Truck และ E-Mobility ครบวงจร

นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (กลาง) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ E-Truck และ E-Mobility ครบวงจร และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

 

โดยมี นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) (ที่ 2 จากซ้าย) Mr. Da Rui (ดา รุย) Managing Director Southeast Asia, SANY Heavy Industry (Thailand) Co., Ltd. (SANY) (ที่ 2 จากขวา) คุณ ฉกาจ แสนจัน Chief Executive Officer, Leadway Heavy Machinery Co., Ltd. (Leadway) (ซ้ายสุด) และ Mr. Ho Howe Tian (โฮ ฮาว เทียน) Managing Director ASEAN, Rootcloud Technology Co., Ltd. (Rootcloud) (ขวาสุด) ร่วมลงนาม

 

ความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับการผลิต ช่องทางการขาย และการจัดจำหน่าย E-Truck และเทคโนโลยี E-Mobility ในไทยและภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับแผนการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ตามทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และกลยุทธ์ New S-Curve ของ ปตท. ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน

 

ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศไทยและระบบขนส่งเชื่อมต่อระหว่างประเทศ อาทิ การขนส่งสินค้าทางราง ทางทะเล ทางบก และทางอากาศ E-Truck และ E-Mobility

 

จึงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ ช่วยขับเคลื่อนระบบการขนส่งของไทยไปสู่การเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรต่อไป

ดร.รัฐสภา ลาออก จากรองนายก อบจ.แปดริ้ว เตรียมลงสมัคร ส.ส. ฉะเชิงเทรา เขต 1 พปชร.

วันที่ 15 มีนาคม 2566 ดร.รัฐสภา นพเกตุ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา คนที่ 1 เพื่อไปลงสมัคร ส.ส. หลังได้เปิดตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยหาเสียงล่วงหน้าระยะหนึ่งแล้ว

 

โดยดร.รัฐสภา นพเกตุ "รองบ่วง" ได้เข้าพบ "นายกไก่" นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่ห้องทำงาน เพื่อแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง พร้อมทั้งขอบคุณ ที่ให้โอกาสได้มาร่วมงานรับใช้พี่น้องประชาชนใน จ.ฉะเชิงเทรา โดย นายกิตติ ได้อวยพรขอให้ ดร.รัฐสภา โชคดี และได้เป็นส.ส.ตามที่หวัง

 

สำหรับ ดร.รัฐสภา นพเกตุ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต1 (อ.เมือง อ.บางน้ำเปรี้ยว บางส่วน) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกิดที่บ้าน ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ มีอายุเพียง 38 ปี ด้วยแรงผลักดันของครอบครัว "เสี่ยบัง" กำนันสมบัติ นางจันทนา นพเกตุ โดยมีแรงหนุนจากนักการเมืองกลุ่ม พินิจ จารุสมบัติ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์

 

ดร.รัฐสภา เกิดมาในครอบครัวที่เป็นกำนันกันทั้งตระกูล ตั้งแต่คุณปู่ "กำนันกระจ่าง นพเกตุ" แล้วสืบทอดมายังคุณลุง "กำนันกมล นพเกตุ" และคุณพ่อของเขา กำนันสมบัติ นพเกตุ แล้วถึงตกทอดมายังตัวเขา เป็นกำนันที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ในขณะนั้นด้วยอายุเพียง 29 ปี

 

นอกจากนี้ ยังจบจาก ร.ร.สาธิต มศว.ประสานมิตร แล้วเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ISR ที่พัทยา จบปริญญาตรี นิเทศศาสตร์โฆษณา มหาวิทยาลัยรังสิต ไปต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแซมเบีย นิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ และจบปริญญา เอก ม.เกษตรศาสตร บางเขน

 

นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ

นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ว่า

 

คดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งทีมทนายความ ได้มีการซักซ้อมพยานและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมพบว่า รูปคดีฝ่ายโจทก์มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดจำเลยได้ โดยสามารถตัดพยานบางปากออกไปได้เพื่อความรวดเร็วในพิจารณาคดีของศาล

 

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะ บางครั้งมีการนำภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร มาประกอบการอ้างอิงต่างๆนานาด้วย จึงเป็นประเด็นที่ทีมกฎหมายต้องนำสืบข้อเท็จจริงต่าง ๆ หักล้าง

 

โดยเห็นสมควรต้องนำพยานที่ถูกพาดพิง ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยตัวเอง เพื่อประกอบการบรรยายพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆของนายอัจฉริยะ ตามคำฟ้อง และคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อตัวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย ทีมกฎหมายจึงได้บรรจุชื่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ไว้ในบัญชีพยาน

 

โดยที่ยังไม่ได้แจ้งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ทราบ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีมกฎหมายพยายามประสานงานไป แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อ พบปะ พูดคุย หรือแจ้งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ทราบได้ การดำเนินการต่อจากนี้ก็จะได้มีการประสานและชี้แจงเหตุผลความจำเป็นให้กับพยานแต่ละท่านทราบ แต่หากพยานท่านหนึ่งท่านใดไม่ประสงค์จะขึ้นเบิกความ ก็สามารถถอนรายชื่อออกไปจากบัญชีพยานได้

 

บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน

(ซินหัว) — บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ของการก่อสร้างโรงงานรถยนต์บีวายดีแห่งแรกในไทย เมื่อวันศุกร์ (10 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นก้าวล่าสุดของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนในการขยับขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


รายงานระบุว่าโรงงานรถยนต์บีวายดีแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และ ภูมิภาคอื่นๆ


อนึ่ง บีวายดี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก เปิดเผยว่ายอดจำหน่ายสะสมของยานยนต์พลังงานใหม่บีวายดีในปี 2022 สูงเกิน 1.86 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 208.6 เมื่อเทียบปีต่อปี


บีวายดีกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน ต่อจากเอ็มจี (MG) ของเอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) ที่เข้ามาจัดตั้งการดำเนินงานผลิตในไทย ซึ่งมีแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดมาอย่างยาวนาน

หลิวเสวียเหลียง ผู้จัดการทั่วไปประจำฝ่ายจัดจำหน่ายยานยนต์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบีวายดี ระบุว่าบีวายดีนำรถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่าง “แอตโต3” (ATTO3) เข้ามาจำหน่ายในไทยเมื่อปี 2022 ซึ่งทำสถิติบรรลุยอดจำหน่ายเป้าหมาย 10,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 42 คัน
บีวายดียังจัดพิธีส่งมอบรถยนต์รุ่นแอตโต3 คันที่ 9,999 และคันที่ 10,000 ณ วันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ของโรงงานแห่งใหม่ที่มีกำหนดเริ่มต้นการผลิตในปี 2024 ด้วยกำลังการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่รายปี 150,000 คัน


การลงทุนของบีวายดีในไทยยังสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทย ซึ่งต้องการให้ร้อยละ 30 ของยานยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเป็นยานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030


“การที่บีวายดีตัดสินใจทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ของไทย และทิศทางการพัฒนาอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนของจีน” หวังหลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและกิจการพาณิชย์ ณ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าว


“การดำเนินการครั้งนี้ไม่เพียงสร้างโอกาสการทำงานและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในไทย แต่ยังส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในจีนและไทย” หวังกล่าว


ด้านคณะเจ้าหน้าที่ไทย อาทิ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ยินดีต้อนรับบีวายดีเข้ามาดำเนินงานในไทย และเชื่อว่าการเข้ามาของบีวายดีจะกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
ข้อมูลจากสถาบันยานยนต์ (TAI) และกรมการขนส่งทางบกของไทย ระบุว่ายอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ในไทยเมื่อปี 2022 สูงแตะ 13,454 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 588.5 เมื่อเทียบปีต่อปี

เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่าแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ทั้งจากจีน ตะวันตก และญี่ปุ่น ได้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นข่าวดีของผู้ซื้อรถยนต์ที่จะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น และของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่กำลังปรับเปลี่ยนให้ทันกระแสแห่งอนาคต

ทะเลบางแสนกลับมาใสแล้ว

ความคืบหน้าเหตุปลาลอยตายเกลื่อนหาดบางแสน ชาวประมงบอกปลาหลุดจากอวน ล่าสุด วันนี้เทศบาลเมืองแสนสุขให้ จนท.มาเก็บปลาทำความสะอาดทั้งหาดบางแสน ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว น้ำทะเลกลับมาใสสะอาดแล้ว

.

จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ที่ชายหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี นักท่องเที่ยวตะลึงต่างเดินดูริมหาดที่มีปลาตายเกลื่อน เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า ซึ่งมีความยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งทุกครั้งถ้ามีน้ำเปลี่ยนฤดู ก็จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติปลาตายแบบนี้ โดยครั้งนี้มีมากกว่าทุกครั้ง เพราะปลาที่ตายมีปลาชนิดเดียวกันจำนวนมาก โดยมีปลาชนิดอื่นน้อยกว่า

.

ความคืบหน้าเช้าวันนี้ 12 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หาดบางแสนที่พบปลาตายจำนวนมากนั้น ปรากฏว่าเช้านี้ไม่มีปลาหลงเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว หาดบางแสนสะอาด มีประชาชนเดินทางมาเล่นน้ำตั้งแต่เช้ากันจำนวนมาก โดยมีทั้งเด็กเล็กและชาวบ้านที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด

.

สอบถามนักท่องเที่ยว เผยว่า อยากให้ช่วยกันรักษาความสะอาด แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวแล้ว ก็ควรเก็บเศษขยะลงไปใส่ในถังขยะที่มีอยู่มากในพื้นที่ที่เขาจัดไว้ให้ ไม่ควรทิ้งไว้ให้มันสกปรก หากลงทะเลไปก็ทำให้น้ำไม่ใสสะอาด ไม่สวยงาม และที่ว่าชาวประมงทิ้งปลานั้น ก็อยากให้ทางด้านเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ตรวจสอบทำการจับกุมให้เป็นตัวอย่างด้วย

.

ด้าน นายชนะธร พูนขุนทด อายุ 44 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนก็เคยเห็นแต่ในข่าว แต่มาแล้ววันนี้ไม่พบ แต่ยังมีเศษขยะทิ้งอยู่ ก็อยากฝากบอกให้ประชาชนที่มาเที่ยวช่วยกันเก็บขยะให้เรียบร้อย อย่าทิ้งขยะให้เป็นที่รกหูรกตาคนอื่น สถานที่ท่องเที่ยวบางแสนนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย ฉะนั้นแล้วไม่ควรทำให้สกปรก

.

จากการตรวจสอบพบว่า นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุขนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม มากำจัดเก็บไปทิ้ง ทำให้ชายหาดบางแสนกลับมาสวยงามดังเดิม

.

ที่มา : ไทยรัฐ

.

#อีอีซีไทม์

ศรชล. ประชุมนัดแรก

เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จัดการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 1/2566 โดยมีพล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และรอง ผอ.ศรชล. เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการ ศรชล. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนหน่วยงานหลัก 7 ศร ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตํารวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี

.

สำหรับการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมในรูปแบบสัญจรนัดแรกของปี 2566 ตามนโยบายผู้บังคับ บัญชา ศรชล. เริ่มต้นจากพื้นที่ ศรชล.ภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 แสน ตร.กม. ในเขต 11 จังหวัดชายทะเล ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และ ชุมพร

.

โดยในที่ประชุมได้ร่วมหารือถึงแนวทางขับเคลื่อนงานร่วมกันของหน่วยงานหลักทั้ง 7 แห่ง ให้มีประสิทธิภาพ โดย ศรชล. ได้เสนอร่างแผนการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมี 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1 การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินการ ด้านความมั่นคงทางทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการด้านความมั่นคง กลยุทธ์ 2 การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงิน มุ่งเน้นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ กลยุทธ์ 3 การบริหารจัดการองค์ความรู้ทางทะเล และการสร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการหน่วยงานทางทะเล และกลยุทธ์ 4 การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางทะเล และด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มุ่งเน้นการบริการประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบตามขั้นตอน

.

ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.66 ศรชล. จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับ คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) จัดการประชุมระดับ

ผู้บังคับบัญชาตามกรอบความริเริ่มการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 9 (9th SEAMLEI CF) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและปลอดภัยทางทะเลร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการหารือเกี่ยวกับประเด็นปัญหาความท้าทายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับหน่วยยามฝั่งและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ ศรชล. ได้พัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาค ซึ่งจะสอดคล้องกับภารกิจ ศรชล. และแผนปฏิบัติราชการ 5 ปี ศรชล. (พ.ศ.2566 - 2570) ทั้งนี้สำหรับ ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติและประชาชน

.

ภาพ/ข่าว ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

.

#อีอีซีไทม์

‘Mekha V’ รับรางวัล ‘Microsoft Partner of the Year 2022’ ตอกย้ำการมุ่งสู่ธุรกิจแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีของกลุ่ม ปตท.

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) รับรางวัล Microsoft Partner of the Year 2022 จากนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในโอกาสที่บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) ซึ่งเป็น Flagship ด้าน AI, Robotics & Digitalization ของกลุ่ม ปตท. ได้รับรางวัลสาขา ‘Intelligent Cloud กลุ่มธุรกิจภาครัฐ ภาคการศึกษา และสาธารณสุข’ สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาและเติมเต็มระบบนิเวศการใช้คลาวด์ (Cloud Ecosystem) ของกลุ่ม ปตท.

 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านดิจิทัล และสร้างโอกาสการเติบโตไปยังธุรกิจที่ไกลกว่าการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลายบนดิจิทัลแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ตามทิศทางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ของ ปตท.

 

รางวัล Partner of the Year 2022 เป็นรางวัลที่มอบให้พันธมิตรที่นำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ไปสรรสร้างนวัตกรรม และพัฒนา Solution สำหรับการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีใหม่ให้กับองค์กร สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา

วันที่ 9 มี.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา

 

ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการดังนี้

 

เวลาประมาณ 14.30 น. นายกฯ และคณะออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอด ฮ.ช.พัน.2 รอ. ค่ายศรีโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา โดยเฮลิคอปเตอร์

 

แล้วเดินทางไปยังวัดโสธรวารารามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวารารามวรวิหาร

 

จากนั้น เวลาประมาณ 16.00 น. นายกฯ จะเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 ณ สวนสาธารณเฉลิมพระเกียรติ ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา และเยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สินค้าของดีเมืองแปดริ้ว และผลิตภัณฑ์จากการส่งเสริมอาชีพขององค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อน จะเดินทางกลับถึงสนามเฮลิคอปเตอร์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.30 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

 

ปตท. ติดอันดับมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 500 แบรนด์แรกของโลกที่มีมูลค่าสูงสุดกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก จากการประเมินของ Brand Finance Global บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ

 

Brand Finance Global ได้ประเมิน ปตท. จากการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมและฟื้นฟูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลของการดำเนินงานที่เด่นชัดดังกล่าว ส่งผลให้เกิดมูลค่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งทัดเทียมแบรนด์ในระดับสากล

 

Mr. Alex Haigh, Managing Director - Asia Pacific of Brand Finance กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการใช้พลังงานทดแทนในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านพลังงานเห็นถึงความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยปรับกลยุทธ์สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานครอบคลุมทุกมิติ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

 

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดอันดับองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดและเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดของโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของ ปตท. ที่แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต

 

ปตท. พร้อมเป็นพลังสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน อาทิ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI & Robotics & Digitalization) เป็นต้น

 

 

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All พัฒนาเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ มุ่งสู่ Net Zero

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ซึ่งเป็นการลงนามระหว่าง ดร.ยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ กรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่

การผนึกกำลังของ ปตท. และ นูออโว พลัส ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มั่นคงอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินการในโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยมีเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดคล้องตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมในอนาคต
 

ผู้ว่าฯแปดริ้ว นำพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเวียนเทียน ที่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร

วันที่ 6 มีนาคม 2566 ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ่อเมืองแปดริ้ว พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมกันประกอบพิธีพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา 2566

 

เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีพระราชภาวนาพิธาน วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ให้ศีลและนำพระสงฆ์พุทธศาสนิกชน ผู้เข้าร่วมพิธี สวดสรรเสริญพระรัตนตรัย และกล่าวคำบูชาดอกไม้ธูปเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ก่อนร่วมกันเวียนเทียนรอบพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร และบูชาประทีปดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

 

เวียนเทียนในวันมาฆบูชา

วันที่ 6 มีนาคม 2566 ที่วัดชัยมงคล พระอารามหลวง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พุทธศาสนิกชน พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมเวียนเทียนในวันมาฆบูชากันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตามวัดและสำนักสงฆ์ในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีพุทธศาสนิกชน

 

รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าร่วมร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาจำนวนมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากชาวต่างชาติที่เดินทางมาในพื้นที่มักนิยมร่วมกิจกรรมต่างๆถือเป็นการสืบสานสิ่งดีงามทางพุทธศาสนาในฐานะเมืองท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

 

ส่วนสถาบันเทิง ผับ บาร์ ในย่านถนนคนเดินวอกกิ้งสตีท พัทยา พบว่ามีการปิดให้บริการนักท่องเที่ยว มีเพียงแต่ร้านอาหารที่ยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น

 

 

ม่วนเวอร์ สัตหีบ จัดงานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยครั้งที่ 5 กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบรักษ์ไทย

 เทศบาลเมืองสัตหีบ ร่วมอำเภอสัตหีบ สภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ สภาวัฒนธรรมตำบลในอำเภอสัตหีบ เด็กเยาวชนประชาชน และชมรมต่างๆ ในอำเภอสัตหีบ จัดงานโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยประจำปี 2566 ครั้งที่ 5 อย่างใหญ่ ระหว่างวันที่ 3 -5 มีนาคม 2566 ณ หาดดงตาลเทศบาลเมืองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

 

มีนายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ เป็นประธานเปิดงาน นายณรงค์ บุญบรีเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ นายไชยเทพ บุญเลิศ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสัตหีบ ร่วมให้การต้อนรับ ด้วยชุดการแสดงต่างๆ ของเด็กนักเรียนตลอดจนเยาวชน และประชาชนในพื้นอำเภอสัตหีบ 

 

การจัดกิจกรรม มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของไทย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนมีความรักในวิถีชีวิตแบบไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของอำเภอสัตหีบ และเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์ ของ

ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน 

 

การจัดกิจกรรมประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรมของเยาวชนและหน่วยงานในอำเภอสัตหีบ การออกร้านจำหน่ายอาหาร และสินค้าประเภทต่าง ๆ การแข่งขันชกมวยไทย เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย และการแสดงพื้นบ้านรำวงย้อนยุค ซึ่งมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่สัตหีบ และใกล้เคียงเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก 

 

นายไชยเทพ บุญเลิศ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ กล่าวว่าเป็นการจัดงานประเพณี ครั้งที่ 5 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ให้คนไทยได้รู้จักวัฒนธรรมไทยในเรื่องของการแสดง การแต่งกาย และเรื่องของอาหารประจำถิ่นและอื่นๆ อย่างหลากหลายอีกด้วย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในเดือนมีนาคม

ลงทุน 4,000 ล้าน กนอ. เลือกระยองตั้งอุตสาหกรรมสมัยใหม่ หลังลุยก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม BCG ในไทย

นางนิภา รุกขมธุร์ รักษาการรองผู้ว่าการ ยุทธศาสตร์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.อยู่ระหว่างจัดหาพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบีซีจี (BCG : เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว)

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 พื้นที่ในจังหวัดลำพูน และระยอง รวมพื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดหาพื้นที่ได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ในจ.ลำพูน 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,100 ล้านบาท เน้นอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 1,400 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท เน้นอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การบิน โลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพ และเคมีชีวภาพ

 

"กนอ.อยู่ระหว่างจัดหาพื้นที่ที่จะตั้งนิคมอุตสาหกรรมบีซีจีใหม่ 2 แห่ง เป็นนิคมฯ ที่กนอ.จัดตั้งเอง ที่ภาคเหนือ โดยจะเริ่มดูในจังหวัดลำพูนก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าไม่มีจริง ถึงจะไปหาในพื้นที่อื่นในแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง"

 

อย่างไรก็ดี หากหาพื้นที่ได้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาจัดตั้งนิคมฯแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 69 เชื่อว่า จะได้รับการสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น ที่ชื่นชอบลำพูน เพราะอากาศใกล้เคียงกับประเทศเขา และต่อไป กนอ.จะเน้นพัฒนานิคมฯ เป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เพื่อดึงดูดการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

นางนิภา กล่าวอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมของไทย มีจุดเด่น ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้ เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความพร้อม ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ไฟฟ้า การดูแลสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสีย กากอุตสาหกรรม อย่างประเทศเวียดนาม ที่ปัจจุบันมองว่า เป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ส่วนใหญ่จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่ไทย จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ มากขึ้น

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ร่วมทำบุญวันหยุด คึกคัก! ปชช.จันทบุรี แห่ทำบุญตักบาตร ในวันมาฆบูชาที่วัดโค้งสนามเป้า

วันนี้ ( 6 มี.ค.66 ) ที่ศาลาการเปรียญวัดโค้งสนามเป้า ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชน เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 ร่วมทำบุญตักบาตรอาหารคาว  - หวาน และเข้าวัดปฏิบัติธรรม 

.

เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ด้วยการมีส่วนร่วมกิจกรรม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมอันดีงามตามหลักพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยพระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เจ้าอาวาสวัดโค้งสนามเป้านำพระภิกษุสงฆ์ออกรับบิณฑบาตร รับถวายภัตราหาร เครื่องไทยธรรม และอนุโมทนา 

.

ส่วนในภาคค่ำ ที่ ศาลาการเปรียญวัดโค้งสนามเป้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีจะนำพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเวียนเทียนเป็นพุทธบูชาที่อุโบสถวัดโค้งสนามเป้า


© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top