Friday, 29 March 2024
Eec Time Team

ปตท. ติดอันดับมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 500 แบรนด์แรกของโลกที่มีมูลค่าสูงสุดกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก จากการประเมินของ Brand Finance Global บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ

 

Brand Finance Global ได้ประเมิน ปตท. จากการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมและฟื้นฟูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลของการดำเนินงานที่เด่นชัดดังกล่าว ส่งผลให้เกิดมูลค่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งทัดเทียมแบรนด์ในระดับสากล

 

Mr. Alex Haigh, Managing Director - Asia Pacific of Brand Finance กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการใช้พลังงานทดแทนในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านพลังงานเห็นถึงความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยปรับกลยุทธ์สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานครอบคลุมทุกมิติ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

 

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดอันดับองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดและเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดของโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของ ปตท. ที่แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต

 

ปตท. พร้อมเป็นพลังสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน อาทิ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI & Robotics & Digitalization) เป็นต้น

 

 

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All พัฒนาเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ มุ่งสู่ Net Zero

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ซึ่งเป็นการลงนามระหว่าง ดร.ยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ กรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่

การผนึกกำลังของ ปตท. และ นูออโว พลัส ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มั่นคงอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินการในโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยมีเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดคล้องตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมในอนาคต
 

ผู้ว่าฯแปดริ้ว นำพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเวียนเทียน ที่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร

วันที่ 6 มีนาคม 2566 ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ่อเมืองแปดริ้ว พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมกันประกอบพิธีพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา 2566

 

เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีพระราชภาวนาพิธาน วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ให้ศีลและนำพระสงฆ์พุทธศาสนิกชน ผู้เข้าร่วมพิธี สวดสรรเสริญพระรัตนตรัย และกล่าวคำบูชาดอกไม้ธูปเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ก่อนร่วมกันเวียนเทียนรอบพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร และบูชาประทีปดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

 

เวียนเทียนในวันมาฆบูชา

วันที่ 6 มีนาคม 2566 ที่วัดชัยมงคล พระอารามหลวง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พุทธศาสนิกชน พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมเวียนเทียนในวันมาฆบูชากันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตามวัดและสำนักสงฆ์ในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีพุทธศาสนิกชน

 

รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าร่วมร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาจำนวนมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากชาวต่างชาติที่เดินทางมาในพื้นที่มักนิยมร่วมกิจกรรมต่างๆถือเป็นการสืบสานสิ่งดีงามทางพุทธศาสนาในฐานะเมืองท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

 

ส่วนสถาบันเทิง ผับ บาร์ ในย่านถนนคนเดินวอกกิ้งสตีท พัทยา พบว่ามีการปิดให้บริการนักท่องเที่ยว มีเพียงแต่ร้านอาหารที่ยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น

 

 

ม่วนเวอร์ สัตหีบ จัดงานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยครั้งที่ 5 กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบรักษ์ไทย

 เทศบาลเมืองสัตหีบ ร่วมอำเภอสัตหีบ สภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ สภาวัฒนธรรมตำบลในอำเภอสัตหีบ เด็กเยาวชนประชาชน และชมรมต่างๆ ในอำเภอสัตหีบ จัดงานโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยประจำปี 2566 ครั้งที่ 5 อย่างใหญ่ ระหว่างวันที่ 3 -5 มีนาคม 2566 ณ หาดดงตาลเทศบาลเมืองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

 

มีนายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ เป็นประธานเปิดงาน นายณรงค์ บุญบรีเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ นายไชยเทพ บุญเลิศ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสัตหีบ ร่วมให้การต้อนรับ ด้วยชุดการแสดงต่างๆ ของเด็กนักเรียนตลอดจนเยาวชน และประชาชนในพื้นอำเภอสัตหีบ 

 

การจัดกิจกรรม มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของไทย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนมีความรักในวิถีชีวิตแบบไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของอำเภอสัตหีบ และเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์ ของ

ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน 

 

การจัดกิจกรรมประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรมของเยาวชนและหน่วยงานในอำเภอสัตหีบ การออกร้านจำหน่ายอาหาร และสินค้าประเภทต่าง ๆ การแข่งขันชกมวยไทย เพื่ออนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย และการแสดงพื้นบ้านรำวงย้อนยุค ซึ่งมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่สัตหีบ และใกล้เคียงเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก 

 

นายไชยเทพ บุญเลิศ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ กล่าวว่าเป็นการจัดงานประเพณี ครั้งที่ 5 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ให้คนไทยได้รู้จักวัฒนธรรมไทยในเรื่องของการแสดง การแต่งกาย และเรื่องของอาหารประจำถิ่นและอื่นๆ อย่างหลากหลายอีกด้วย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในเดือนมีนาคม

ลงทุน 4,000 ล้าน กนอ. เลือกระยองตั้งอุตสาหกรรมสมัยใหม่ หลังลุยก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม BCG ในไทย

นางนิภา รุกขมธุร์ รักษาการรองผู้ว่าการ ยุทธศาสตร์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.อยู่ระหว่างจัดหาพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบีซีจี (BCG : เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว)

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 พื้นที่ในจังหวัดลำพูน และระยอง รวมพื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดหาพื้นที่ได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ในจ.ลำพูน 1,000 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,100 ล้านบาท เน้นอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 1,400 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท เน้นอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การบิน โลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพ และเคมีชีวภาพ

 

"กนอ.อยู่ระหว่างจัดหาพื้นที่ที่จะตั้งนิคมอุตสาหกรรมบีซีจีใหม่ 2 แห่ง เป็นนิคมฯ ที่กนอ.จัดตั้งเอง ที่ภาคเหนือ โดยจะเริ่มดูในจังหวัดลำพูนก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าไม่มีจริง ถึงจะไปหาในพื้นที่อื่นในแถบระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง"

 

อย่างไรก็ดี หากหาพื้นที่ได้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาจัดตั้งนิคมฯแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 69 เชื่อว่า จะได้รับการสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น ที่ชื่นชอบลำพูน เพราะอากาศใกล้เคียงกับประเทศเขา และต่อไป กนอ.จะเน้นพัฒนานิคมฯ เป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เพื่อดึงดูดการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

นางนิภา กล่าวอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมของไทย มีจุดเด่น ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้ เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความพร้อม ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ไฟฟ้า การดูแลสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสีย กากอุตสาหกรรม อย่างประเทศเวียดนาม ที่ปัจจุบันมองว่า เป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ส่วนใหญ่จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่ไทย จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมใหม่ๆ มากขึ้น

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ร่วมทำบุญวันหยุด คึกคัก! ปชช.จันทบุรี แห่ทำบุญตักบาตร ในวันมาฆบูชาที่วัดโค้งสนามเป้า

วันนี้ ( 6 มี.ค.66 ) ที่ศาลาการเปรียญวัดโค้งสนามเป้า ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชน เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 ร่วมทำบุญตักบาตรอาหารคาว  - หวาน และเข้าวัดปฏิบัติธรรม 

.

เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ด้วยการมีส่วนร่วมกิจกรรม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมอันดีงามตามหลักพระพุทธศาสนา และน้อมนำหลักธรรมไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยพระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เจ้าอาวาสวัดโค้งสนามเป้านำพระภิกษุสงฆ์ออกรับบิณฑบาตร รับถวายภัตราหาร เครื่องไทยธรรม และอนุโมทนา 

.

ส่วนในภาคค่ำ ที่ ศาลาการเปรียญวัดโค้งสนามเป้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีจะนำพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเวียนเทียนเป็นพุทธบูชาที่อุโบสถวัดโค้งสนามเป้า

กองยาว 2,000 ปี นอภ.สัตหีบ เปิดงานข้าวหลามบ้านขลอด

นาย สุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ประเพณีบุญข้าวหลาม บ้านขลอด โดยมี นายอมตะ ใคร่ครวญ นายก อบต.พลูตาหลวง หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมพี่น้องประชาชนชาวตำบลพลูตาหลวง และ 2 ว่าที่ผู้สมัคร สส.ชลบุรี เขต 10 นายพนธกร ใคร่ครวญ อดีตรองนายกเทศบาลเมืองสัตหีบ พรรคเพื่อไทย และ ดร.สถิระ เผือกประพันธ์ อดีต สส.ชลบุรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.ชลบุรี เขต 10 พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมงานด้วย โดยมีกลองยาวจากชมรมผู้สูงอายุพลูตาหลวง รวมอายุแล้วเกือบ 2,000 ปี มาวาดลวดลายรำกลองยาวรับนายอำเภอสัตหีบ อย่างอบอุ่น สนุกสนานและเป็นกันเองณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลพลูตาหลวง  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

 

 นายสกล กลั่นแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านขลอด ต.พลูตาหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้กล่าวรายงานถึงความเป็นมาว่า งาน ประเพณีบุญข้าวหลาม บ้านขลอด ซึ่งเป็นการจัดงานปีแรกของหมู่บ้าน ระหว่างวันที่ 4-5 มีนาคม 2566 มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริม สืบสาน รักษาและต่อยอด ประเพณีเผาข้าวหลามและวัฒนธรรมของหมู่บ้านไว้ให้ลูกหลาน ตลอดจนเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในหมู่บ้าน 

 

จึงได้จัดให้มีการแข่งขันการเผาข้าวหลาม ซึ่งมีทีมเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 7 ทีม มีเงินรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสัตหีบ สำหรับรางวัลชนะเลิศ จำนวน 2,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 1,500 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,000 บาท พร้อมรางวัลชมเชย 4 รางวัล ๆ ละ 500 บาท

 

นายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่าประเพณีบุญข้าวหลาม ประจำปี 2566 เป็นการสืบสานต่อยอดและรักษาขนมธรรมเนียมประเพณีไว้ให้ลูกหลานเป็นการดำเนินกิจกรรมที่ดี และขอให้จัดทำอย่าง ต่อเนื่องเป็นประจำ และกลายเป็นงานประเพณีในระดับตำบลต่อไป และสิ่งสำคัญที่เกิดจากงานประเพณีนี้คือได้ให้เห็นถึงความรักความสมัครสามานสามัคคี ของคนในชุมชนหมู่บ้านของเราอีกด้วย พร้อมกับขอชื่นชมการจัดงานในครั้งนี้ และขอให้ทำอย่างต่อเนื่องตลอดไป จนกลายเป็นงานประเพณีของพื้นที่ต่อไปด้วย

 

นายอมตะ ใคร่ครวญ นายก อบต.พลูตาหลวง กล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่ดีของชุมชนหมู่ที่ 2 บ้านขลอด โดย อบต.พลูตาหลวง ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ได้เห็นการจัดงานแล้วดีใจที่มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่หมู่ 2 และใกล้เคียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

" พิธา " มั่นใจ " ก้าวไกล " ชนะได้อีกครั้งแน่นอน

5 มีนาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงแนวทางในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยย้ำว่า พรรคมีกองอำนวยการเลือกตั้ง ที่มีแผนรองรับการหาเสียงไว้แล้ววางยาวไปจนถึง 7 พฤษภาคม 2566 มีทั้งการลงพื้นที่หาเสียงในแต่ละเขตที่เป็นจังหวัดใหญ่ หรือจังหวัดแชม์เก่าเพื่อรักษาเขตเดิม พร้อมเพิ่มเติมเขตใหม่ ทั้งนี้ ช่วงโค้งสุดท้าย 20-30 วันสุดท้ายก็จะลงหาเสียงซ้ำ เพราะบางพื้นที่แพ้ไปนิดเดียว 

 

ซึ่งกติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่เหมือนปี 2562 จึงต้องวางยุทธศาสตร์หาเสียงให้รัดกุม และมั่นใจว่า จะทำให้ผู้สมัคร เข้าไปเป็น ส.ส.ในสภาเพื่อผลักดันเรื่องต่าง ๆ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

 

ส่วนกรณีต้องแข่งขันกับบ้านใหญ่ชลบุรี ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างดุเดือด มองว่า พรรคก้าวไกลเคยชนะบ้านใหญ่มาได้หลายครั้ง จึงไม่กังวลเพราะเคยทำได้มาแล้ว และจะทำอีก ซึ่งโซนภาคตะวันออก เป็นเหมือนพื้นที่หัวหาดของพรรคอนาคตใหม่เดิม และพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน ตั้งแต่บางนา สมุทรปราการ ชลบุรี จันทบุรีฉะเชิงเทรา ตราด ยกเว้นระยองจังหวัดเดียว พร้อมย้ำ ทั้งตัวผู้สมัครของพรรค นโยบาย และคู่แข่ง เราไม่กลัวใครเลย จึงขอเชิญชวนคนที่จมอยู่กับบ้านใหญ่ ให้มาอยู่กับบ้านที่ใหม่กว่าชื่อว่า “ก้าวไกล”

ตราด ตรวจเข้ม !! ป้องกันลักลอบค้าสัตว์ป่า

5 มีนาคม 2566 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายจิริโรจน์ ระวีวัฒน์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ป่าตามแนวชายแดนบ้านหาดเล็ก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจเฝ้าระวังยานพาหนะขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนระหว่างประเทศตามแนวชายแดนบ้านหาดเล็ก ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ด่านศุลกากร หน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ บูรณาการร่วมกันตรวจค้นการลักลอบนําสัตว์ป่าออกนอกประเทศและเข้าในประเทศผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 

เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ุรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่าข้ามประเทศ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคสัตว์ป่าให้ถูกต้องสร้างความตระหนักถึงความสําคัญตามแนวชายแดนของปัญหาการลักลอบค้า ล่า และบริโภคสัตว์ เช่น เหี้ย หรือ ตัวเงินตัวทอง นับเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองด้วย ผู้ใดฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 4 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ จะต้องได้รับอนุญาติจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเสียก่อน ไม่ว่าจะเลี้ยงและซื้อขายหรือครอบครองไม่ได้เด็จขาด 

ดังนั้นทางนายจิริโรจน์ ห้วหน้าด่านกักกันสัตว์ตราดด้านจุดตรวจชายแดนบ้านหาดเล็ก จึงได้สั่งการตรวจค้นเข้มงวดการเข้าออกผ่านพรมแดนบ้านหาดเล็ก พร้อมกันนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าระวังตามแนวชายแดนบ้านหาดเล็ก ให้ฉีดพ่นยานพาหนะที่สัญจรผ่านเข้าออกตามแนวชายแดนอีกด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกด้วย


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Eec Time Thailand
Take Me Top